สายใยรัก จากพ่อแม่สู่ลูกน้อยวัยเรียน |
คุณแม่ครับ.....ผมทำเลขไม่ได้ครับ |
คุณแม่ครับ.....ช่วยผมเตรียมอุปกรณ์ ก.พ.อ.หน่อยครับ คุณครูให้นำไปส่งวันพรุ่งนี้ |
คุณพ่อครับ.....ศัพท์คำนี้แปลว่าอะไรหรือครับ |
คุณพ่อครับ.....ผมทำการบ้านไม่ได้ครับ |
คุณแม่ครับ.....ผมเหงาจังครับ |
และ.....คุณพ่อคุณแม่ครับ.....ผมสอบตกครับ |
คำพูดเหล่านี้ที่พรั่งพรูออกมาจากปากลูกน้อยของท่านล้วนมีความหมายมาก คุณพ่อคุณแม่คะ ท่านให้เวลากับลูกน้อยของท่านมากพอหรือยังคะ หลาย ๆ ท่านอาจตอบว่า มากพอแล้ว แต่อีกหลายท่านอาจตอบว่ายังไม่พอ มาให้เวลากับลูกและให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกกันเถิด ก่อนที่จะสายเกินแก้ ลูกต้องการคำชี้แนะและกำลังใจจากพ่อแม่มาก โดยเฉพาะช่วงวัยประถมศึกษา ซึ่งเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต หากลูกมีพื้นฐานที่ดีในวัยนี้แล้ว เปรียบเสมือนรากฐานมี่มั่นคงของชีวิต ลูกพร้อมจะเติบใหญ่เป็นบุคคลที่สมบูรณ์และมีคุณภาพ ในทางกลับกันหากลูกไม่ได้รับการเอาใจใส่ในวัยเด็กดีพอ ลองหลับตาคิดดูว่าเด็กจะเติบโตมาเป็นบุคคลลักษณะใด อาจจะสายเกินแก้ ท่านอาจจะเสียใจในตอนหลัง ซึ่งเวลาอันงดงามเหล่านี้ไม่อาจเรียกร้องให้กลับคืนมาได้เลย |
มีคำกล่าวว่า "พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก" "พ่อแม่คือครูที่ดีที่สุดของลูก" นักจิตวิทยาหลาย ๆ ท่านแนะนำว่า การให้ลูกน้อยของท่านนั่งทำการบ้านอยู่กับท่าน โอบกอดเขา ชมเชยเขา ให้กำลังใจเขา แนะนำปลอบโยนเขา ลูกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้สึกมั่นคง มีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่ดี และเป็นบุคคลที่สังคมต้องการ |
คุณพ่อคุณแม่ครับ อย่าคิดว่าท่านสอนลูกของท่านไม่ได้ อย่ากลัวว่าจะสอนไม่ตรงกับแนวที่ครูสอน อย่ากลัวไปเลยค่ะ ความจริงแล้วท่านสามารถสอนลูกของท่านได้....ได้ดีทีเดียว เพราะเนื้อหาวิชาในระดับประถมศึกษาไม่มีอะไรซับซ้อนมาก หากท่านกังวลว่าจะสอนไม่ตรงแนวเดียวกันกับครู วิธีแก้คือ ศึกษาแนวทางการสอนของครู จากสมุดแบบฝึกหัดและหนังสือของลูก การให้ลูกท่องศัพท์ สูตรคูณ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทุกวันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเรียนของลูกได้ดียิ่งขึ้น |
ต่อไปนี้ เป็นคำแนะนำที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปฏิบัติ เพื่อพัฒนาตัวลูกให้มีความพร้อมด้านการเรียน |
1. หมั่นตรวจดูกระเป๋าหนังสือลูกทุกวัน เพราะการตรวจกระเป๋าของลูกท่านจะได้ทราบภาพรวมทั้งหมดเกี่ยวกับการเรียนของลูก ดูสมุดทุกเล่ม อาจมีงานที่ลูกจดไม่ทัน การบ้านอาจจะยังทำไม่เสร็จ หรือทำไปแล้วผิดพลาดมาก จะได้มีเวลาแก้ไขได้ทัน และอย่าลืมตรวจดูว่าลูกนำของต้องห้ามไปโรงเรียนด้วยนะคะ เช่น ของเล่น หนังสือการ์ตูน (โป๊) |
2. เซ็นสมุดจดการบ้านให้ลูกทุกวัน เพราะการเซ็นสมุดจดการบ้านท่านจะได้ทราบความเป็นไปเกี่ยวกับตัวลูก บางทีครูอาจจะเขียนเตือนด้านความประพฤติ การทำงาน หรือสิ่งต่างๆ ที่ต้องการสื่อถึงผู้ปกครองลงในสมุดจดการบ้าน และอีกทั้งยังจะได้ทราบว่า ลูกมีการบ้านวิชาใด มากน้อยแค่ไหน ต้องเตรียมอะไรบ้างในวันต่อไป มีกิจกรรมอะไรในวันรุ่งขึ้น |
3. จดหมายเวียนต่าง ๆ ทางโรงเรียนจะแจ้งข่าวสารต่าง ๆ ทางจดหมายเวียน และส่วนท้ายของจดหมายเวียนจะมีใบตอบรับจากผู้ปกครอง อย่าลืมเซ็นให้ลูกทุกฉบับ เพื่อครูจะได้มั่นใจว่าจดหมายเวียนทุกฉบับถึงมือท่านแล้ว นักเรียนหลาย ๆ คนไม่ได้ให้ผู้ปกครองเซ็น เมื่อถูกทวงถามบ่อย ๆ ลูกของท่านอาจขาดความมั่นใจได้ |
4. หาโอกาสพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ไต่ถามเรื่องราวเมื่อลูกอยู่ที่โรงเรียน ควรรับรู้ว่าลูกสนิทกับเพื่อนคนใดบ้าง และถ้าเป็นไปได้ควรหาโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนของลูก เพราะบางทีเราจะได้ข้อมูลของลูกจากเพื่อนเหล่านี้ก็ได้ การพูดคุยกับลูกจะมีโอกาสทราบว่า ลูกชอบวิชาใด กิจกรรมที่ทำแต่ละวัน คุณครูที่ลูกชอบ ฯลฯ ลูกจะภูมิใจที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับเขา สนใจเขา และจะนำมาซึ่งความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวในที่สุด |
ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อ คุณแม่ทุกคนนะคะ สวัสดีค่ะ |
ครูฟ้า |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น